โครงการที่ชาว จ.แพร่ จับตามอง

วันที่ 28 มีนาคม 2563 ในโลกแห่งความหวั่นวิตก ตื่นตระหนก ของโรคระบาดเชื้อไวรัส โคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ที่ทั่วโลกทั่ว 197 ประเทศกำลังต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น แต่ละประเทศก็หาวิธีควบคุมและป้องกันของเชื้อไวรัสฯดังกล่าว ในประเทศไทยผู้นำจึงได้นำเอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎหมายที่มีอำนาจที่จะสั่งการให้แต่จังหวัดนำไปปฏิบัติในการควบคุมและป้องกันของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสฯในประเทศไทยเริ่มตั้งแต่เชื้อแพร่ระบาดมาจากเมืองอูฮั่น ประเทศจีน ตั้งแต่ปลายเดือน ธันวาคม 2562 จนถึงบัดนี้พบผู้ติดเชื้อ 1,045 ราย แต่ยังอยู่ระยะที่ 2( เฟสที่ 2 ) การแพร่เชื้อจะเข้าสู่ระยะที่3(เฟสที่ 3)หรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้คนที่จะต้องปฏิบัติตาม กระทรวงสาธารณสุขแนะนำและเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิตที่เสี่ยงติดเชื้อไวรัสฯอย่ามองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ และอย่าทำให้เกิดปัญหาทุกอย่างก็จะเข้าสู่สภาวะที่ปรกติโดยเร็ว 

ในเรื่องของการพัฒนาประเทศ หรือพัฒนาจังหวัดแพร่ ก็ต้องทำตามระยะของเวลาที่ได้กำหนดตามระเบียบตามกฏหมาย เช่น โครงการสร้างถนนเลียบฝั่งแม่น้ำยมทางทิศตะวันออก ระยะทาง 2.89 กิโลเมตร งบประมาณ 185 ล้าน ตัดงบประมาณลงเหลือ 135 ล้านบาท เริ่มจากหัวสะพานบ้านมหาโพธิ์ (บริเวณบ้าน วัชรปรีชา) จนถึงสะพานบ้านสองแคว งบประมาณปี 2563 แล้วเสร็จในปี 2565 จากความกว้างถนน 16 เมตร จะเป็นถนนจุดประกายการท่องเที่ยว จะเป็นถนนคนเดินในอนาคต ในยามเย็นหรือยามราตรี ผู้คนจะออกมาออกกำลังกาย หรือมายืนมองสายน้ำยมในฤดูน้ำไหลหลาก จะเป็นถนนแห่งแรกของจังหวัดแพร่ ที่ยืนออกไปริมฝั่งแม่น้ำยม โครงการดังกล่าวเวลานี้รอการประมูลจากกรมเจ้าท่า โครงที่2 ศูนย์ศาลากลางจังหวัดแพร่ แห่งใหม่ ใน ต.น้ำชำ อ.เมือง จ.แพร่ (ติดกับทางเข้าแพะเมืองผี) ในพื้นที่กว่า 200 กว่าไร่ งบการก่อสร้าง 685 ล้านบาท เริ่มงบประมาณปี 2563 เป็นงบประมาณต่อเนื่องสิ้นสุดโครงการ ปี 2565 กรมโยธาธิการเป็นผู้รับผิดชอบ ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ ถือว่าเป็นโครงการที่ชาวจังหวัดแพร่ เรียกร้องมายาวนาน แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละท่านไม่เคยมองเห็นถึงความสำคัญ จึงไม่คิดโครงการหรือขยับขยายศูนย์ราชการ ในปัจจุบันผู้คนจะมาติดต่อหน่วยราชการจังหวัดแพร่ สิ่งหนึ่งที่คิดขึ้นมาคือสถานที่จอดรถ และแต่ละหน่วยงานก็ตั้งอยู่ไม่เป็นหมวดหมู่และไม่เป็นระเบียบ ในยุคผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่คนที่ 53 คือนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ได้จุดประกายมองการณ์ไกลกับศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ จึงได้ทำโครงการเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ในปี 2561 ท่านมาอยู่เมืองแพร่เพียง 4 เดือน จนได้รับงบประมาณดังกล่าว 

ทางด้าน นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้วาราชการจังหวัดแพร่ คนที่ 54 คนปัจจุบันสานต่อโครงการ จึงเกิดโครงการที่ชาวแพร่จะได้ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ แห่งใหม่ ที่ชาวจังหวัดแพร่ รอคอยมานับสิบกว่าปี ในเวลานี้เมื่อจัดหาผู้ประมูลได้ การก่อสร้างก็ต้องดำเนินการก่อสร้างในเร็วๆ นี้แน่นอน ทางด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ท่านได้ติดตามและสอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา นั้นหมายถึงการทำงานของผู้ว่าหญิงเหล็กท่านนี้ ผู้สื่อข่าวได้สัมผัสท่านมาเกือบทุกวัน ท่านมีความตั้งใจสูง สมกับท่านจะมาพัฒนาจังหวัดแพร่แบบเพิ่มทวีคูณ 3 เท่า ถึงแม้ชีวิตราชการท่านผู้ว่าจะเหลือเพียง 6 เดือน แต่ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ความมุมานะการปฏิบัติหน้าของท่านที่ทางชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดแพร่ เล็งเห็นถึงความหมายในชีวิตการทำงานของผู้ว่าหญิงเหล็กท่านนี้ 

โล่แห่งความภาพภูมิใจของ ชมรมผู้สื่อข่าว จังหวัดแพร่ จึงมอบให้ท่าน ในด้าน โล่แห่งการมุ่งมั่นพัฒนา จังหวัดแพร่ และเวลาที่เหลือจะเป็นการเวลาแห่งความหมาย เวลาแห่งการพิสูจน์ผลงานท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ คนที่54 ผู้ว่าหญิงคนแรกของพี่น้องชาวจังหวัดแพร่ ในพื้นที่จังหวัดแพร่ ท่านย่างกว้าไปทุกพื้นที่ จะใกล้ จะไกล เมื่อคนของท่านเดือดร้อน ทุกข์ลำบากนั้นคือ น้ำใจท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ที่ชื่อ ดร.กานต์เปรมปรีด์ ขิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ คนที่ 54 ในนามชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดแพร่ ที่มีสื่อทุกแขนง พร้อมเดินเคียงบ่า เคียงไหล กับแม่เมืองแป้ ด้านประชาสัมพันธ์และด้านข่าวสาร เสนอผลงาน นั้นจุดประเด็นของ ชมรมผู้สื่อข่าว จังหวัดแพร่ สื่อสร้างสรรค์ เชื่อมความสามัคคี ส่งเสริมคนดีในสังคม อยู่บ้าน หยุดเชื่อ เพื่อชาติ ก่อนตอนนี้

หนานน้อย เวียงโกศัย : ข่าว    

เบียร์ : เรียบเรียง 

เฟรน : กราฟิก 

นิสายชล ศิริวาท : การตลาด