ความแตกต่างที่เหมือนกัน? - Phrae Business

Phrae Business

หนังสือพิมพ์ ธุรกิจแพร่

Breaking

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ความแตกต่างที่เหมือนกัน?

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563 ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดแพร่ ได้รับหนังสือร้องเรียน จากสมาชิก กองทุนสวัสดิการ อ.เมือง จ.แพร่ ว่าการดำเนินการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ได้บริหารภายใต้กฎระเบียบกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ พ.ศ. 2547 นั้นทางสมาชิกก็ได้รับผลประโยชน์ ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนสำหรับการลงทุน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ เพิ่มรายจ่าย ลดรายจ่าย เป็นสิ่งที่ชาวบ้านได้ผลประโยชน์แน่นอน 

แต่การบริหารจัดการของกองทุนหมู่บ้านดังกล่าวหลายพื้นที่ ในจังหวัดแพร่ มีทุกอำเภอหรืออาจจะทั่วประเทศ แต่รัฐบาลจะลงมาตรวจหรือมาสอบประชาชนทุกพื้นที่หรือไม่เรื่องการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการที่ชาวบ้านคิดว่ารัฐมีนโยบายหรือสั่งการ ในประเด็นนี้ทางชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดแพร่ ขอเจาะประเด็นเฉพาะในจังหวัดแพร่ก่อน ท่านที่ติดตามผลงานของหนังสือพิมพ์ธุรกิจแพร่ - ออนไลน์ และฉบับพิเศษ ที่มีหัวข้อข่าวว่า ความแตกต่างที่เหมือนกัน? กลับมาที่ เงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติอำเภอเมืองแพร่ ได้หยิบยก ว่าด้วยกฎระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2549 ข้อที่ 6 (3) เชื่อมโยงกิจกรรมการบริหารจัดการเงินทุน ระบบสวัสดิภาพ สวัสดิการของกองทุนหมู่บ้านฯและสถาบันการเงินชุมชนที่เป็นสมาชิก ตลอดจนองค์กรการเงินรายย่อยอื่นๆและข้อที่ 8 ที่ว่าสนับสนุนให้มีการจัดตั้งเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านระดับชาติในรูปแบบสมาคมที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเพื่อทำหน้าที่เชื่อมโยงโครงข่าย และรองรับสภาพทางกฎหมายตลอดจนการดำเนินงานของเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านในระดับต่างๆ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์จน นโยบายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องคณะกรรมการกำหนด และ ข้อ 9 (5) ส่งเสริม พัฒนา และเชื่อมโยงการบริหารจัดการด้านเงินทุน สวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ ระบบสวัสดิภาพ สวัสดิการของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและประชาชนในชุมชน และ ข้อที่ 13 (8) ออกระเบียบหรือข้อบังคับที่เกี่ยงข้องกับสวัสดิภาพการฌาปนกิจสงเคราะห์ของเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน เป็นกฏระเบียบจากคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าด้วยเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พ.ศ. 2549 

กฎระเบียบที่คณะกรรมการฯได้ร่างขึ้นมาดังกล่าวไปเข้าข่าย พ.ร.บ.การฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2545 ให้ไว้ ณ.วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2545 เป็นปีที่ 57 ในรัชกาลที่ 9 ในหมวดที่ 2 ว่าด้วยการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ มาตรา 9 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียน เมื่อได้จดทะเบียนแล้วให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล สมาชิกกองทุนสวัสดิการมีข้อสงสัยของการจัดการบริหารคณะกรรมกองทุนสวัสดิการ อ.เมืองแพร่ ว่าการบริหารจัดการเริ่มก่อตั้งกองทุนสวัสดิการฯมาเมื่อปี 2553 โดยมีชื่อย่อ สวก.สทบ. มีการสมัครเป็นสมาชิกโดยการแอบแฝงหรืออื่นใดของกฎระเบียบกองทุนหมู่บ้านฯ ค่าสมัครคนละ 670 บาท ค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ค่าบำรุงรายปี 10 บาท รวมเป็นเงิน 700 บาท เก็บค่าสวัสดิการช่วยเหลือสมาชิกที่เสียชีวิต ศพละ 5 บาท เป็นการดำเนินกิจการที่สมาชิกเกิดความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการของคณะกรรมการชุดตลอดกาลนี้ ลองมาทบทวน พ.ร.บ.ฌาปนกิจสงเคราะห์ฯว่าด้วย มาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการโดยวิธีใดๆ ที่คล้ายคลึงกันให้ผู้ใดเข้ามาเป็นสมาชิสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ยังมิได้จดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย มาตรา 34 ห้ามมิให้ผู้ใดชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่น ไม่ว่าจะเป็นสินจ้างหรือค่าใช้จ่ายอื่นจากการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการ มาตรา 35 สมาชิกมีสิทธิขอตรวจสอบบัญชี และเอกสารของสมาคมฯเพื่อทราบการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่สำนักงานได้ในเวลากำหนด มาเทียบกับการดำเนินกิจการของกองทุนสวัสดิการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จ.แพร่ ว่า ทางคณะกรรมการเรียกเก็บเงินจากสมาชิกฯรายละ 5 บาทต่อ 1 ศพ ใน อ.เมือง มีสมาชิกกองทุนสวัสดิการฯทั้งหมด 29,970 คน จะได้เงินทั้งสิ้น 149,850 บาทต่อ 1 ราย จ่ายให้ทายาทสมาชิกที่เสียชีวิตรายละ 100,000 บาท น้ำ 500 แก้วและเงินช่วยทำบุญ 1,000 บาทแล้วเงินส่วนต่างหายไปไหน ทางสมาชิกฯไม่เคยรับรู้ในการบริหารจัดการเงินดังกล่าวตั้งแต่จัดตั้งกองทุนสวัสดิการขึ้นมา ไม่มีแม้กระทั้งเอกสารแจกให้สมาชิกรับทราบในแต่ละเดือนทางสมาชิกมาดูข้อเปรียบเทียบของ อ.สูงเม่น จ.แพร่ ที่มีการจัดการบริหารลักษณะเดียวกัน 

ทางสมาชิก อ.สูงเม่น ได้เรียกร้องให้ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.แพร่ (ในขณะดำรงตำแหน่ง ผวจ.แพร่ ) เข้าตรวจสอบและส่งเรื่องให้ทางอัยการจังหวัดแพร่ฟ้องศาลจังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ศาลจังหวัดแพร่ ประทับรับคำฟ้อง มีคำพิพากษาว่า คณะกรรมการบริหารทั้ง 7 คน ได้ร่วมกันดำเนินการฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยจัดตั้งเป็นกองทุนชื่อว่า กองทุนสวัสดิการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง อ.สูงเม่น โดยจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธาน และจำเลยที่ 2-7 เป็นคณะกรรมการบริหาร ได้ประกาศรับสมัครผ่านเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านฯ เรียกเก็บค่าสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ศพละ 10 บาท โดยการจัดเก็บและดำเนินการแรกเข้าสมาชิกจะเรียกเก็บล่วงหน้าจำนวน 3 ศพ ทุกอย่างมีการดำเนินการเช่นเดียวกับกองทุนสวัสดิการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านฯ อ.เมือง ทุกประการ ลักษณะเช่นนี้เข้า พ.ร.บ.ฌาปนกิจสงเคราะห์ฯ หรือไม่ ศาลมีคำพิพากษา จำเลยทั้ง 7 คนที่เป็นคณะกรรมบริหารดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 มาตรา 33, 61,66 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ความผิดฐานชักชวนบุคคลอื่นเข้าเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนและฐานร่วมกันดำเนินกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์โดยมิได้จดทะเบียนมีโทษเท่ากัน โจทก์ฟ้องรวมกันมาเป็นกรรมเดียว จึงลงโทษฐานร่วมกันดำเนินกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์โดยไม่จดทะเบียน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ10,000 บาท นั้นเป็นประเด็นที่ทางกองทุนสวัสดิการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง อ.เมืองแพร่ จะต้องทวนคิดไหมว่ากิจการที่คณะกรรมการบริหารดำเนินการ ลักษณะเดียวกันแบบ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อ.สูงเม่น เมื่อครั้งยังไม่ได้จดทะเบียนฯจนมีคำสั่งศาลว่าผิด พ.ร.บ.ฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.แพร่ (ขณะนั้น) ได้สั่งการให้ นายชณภพ ไกรศักดิ์ นายกเทศมนตรี ต.สูงเม่น อ.สูงเม่น จ.แพร่ นายทะเบียนโดยตำแหน่งบังคับให้กองทุนสวัสดิการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ อ.สูงเม่น (ในขณะนั้น) จ.แพร่ นำการสู่การจดทะเบียน ตาม พ.ร.บ.ฌาปนกิจสงเคราะห์ ฯ ในนาม สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อ.สูงเม่น และได้ดำเนินการตามกฎระเบียนของ พ.ร.บ.ฯถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย 

ที่ผ่านมาสมาชิกฯคิดว่ารัฐสั่งการให้จัดตั้งกองทุนสวัสดิการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านฯ ตาม พ.ร.บ.ฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 ว่าด้วยการบริหารจัดการ คณะกรรมการมีสิทธิ์ที่จะจัดเก็บเงินเป็นรายบุคคลและจัดเก็บตามความเป็นจริงมีสิทธิ์หักเงินไว้เป็นค่าดำเนินบริหารจัดการของสมาคมฯได้เพียง 4% สมมุติว่าคณะกรรมการฯจัดเก็บเงินจากสมาชิก 100 บาท หักเงินไว้ 4 บาทเท่านั้น เพื่อนำไปบริหารกิจการของสมาคมฯส่วนที่เหลือ 96 บาท มอบให้กับทายาทผู้เสียชีวิต เป็นระเบียนและกฎหมายบังคับ ถ้าคณะกรรมการสมาคมฯใดฝ่าฝืนหรือทำผิดกฎระเบียน พ.ร.บ.ฯสมาชิกสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที หน่วยงานที่รับผิดโดยตรงคือ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ในส่วนจังหวัดแพร่ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.แพร่ เป็นผู้รับผิดชอบ รับจดทะเบียนและตรวจสอบจากนายทะเบียน เทศบาล อบต.ในพื้นที่เป็นนายทะเบียนโดยตำแหน่ง พื้นที่ใดปล่อยปะละเลย ถ้ามีผู้ร้องเรียน นายทะเบียนในพื้นที่จะต้องโดย มาตรา 157 ฐานะละเว้นการปฎิบัติต่อหน้าที่ เป็นข้อเปรียบเทียบของการได้มาซึ่งความไม่ถูกต้อง 

ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกหวังกับเงินก้อนสุดท้ายในยามที่เสียชีวิต แต่ท่านเป็นผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบก่อนที่ท่านจะตาย โดยไม่คาดคิดและไม่เข้าใจในระบบจัดการบริหารที่คนบางกลุ่มนำไปหาผลรายได้มหาศาล ยกตัวอย่าง นำเงินไปซื้อสลากออมสินเป็นจำนวนเงินมหาศาล มีบ้างมั๊ยคณะกรรมการบริหารจัดการที่บอกสมาชิกมาตลอดว่า ทำเพื่อสมาชิก และได้เผยความจริงบ้างมั๊ยว่าถูกรางวัลอะไรบ้าง ในการเอาเม็ดเงินมหาศาลของท่านไปลงทุนซื้อสลากออมสิน ในการจัดการที่ว่า ความเหมือนที่แตกต่าง กับการบริหารจัดการคล้ายกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อ.สูงเม่น จ.แพร่ เมื่อครั้งยังไม่เข้าสู่ระบบระเบียบและกฎหมายและที่สำคัญ เมื่อจดทะเบียนแล้วจะมาใช้ โลโก้ ของ กทบ.ไม่ได้เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับและจะมาเติมท้ายว่าเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านก็ไมได้เช่นกัน




หนานน้อย เวียงโกศัย : ข่าว    
เบียร์ : เรียบเรียง 
เฟรน : กราฟิก 
แจ็ค : การตลาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Pages